ล้อกระทะรถ 10 ล้อ
กระทะ 10 ล้อ
กระทะ 10 ล้อ
กระทะ 10 ล้อ
กระทะ 10 ล้อ
กระทะ 10 ล้อ
กระทะ 10 ล้อ
กระทะ 10 ล้อ
กระทะ 10 ล้อ
กระทะ 10 ล้อ
กระทะ 10 ล้อ
ล้อกระทะรถ 6 ล้อ
กระทะ 6 ล้อ
กระทะ 6 ล้อ
กระทะ 6 ล้อ
กระทะ 6 ล้อ
กระทะ 6 ล้อ
กระทะ 6 ล้อ
กระทะ 6 ล้อ
ที่มาของคำว่า ล้อกระทะหรือกระทะล้อ
ในปัจจุบันสังคมไทยนิยมใช้รถกันมากขึ้น ขยันออกรถกันเป็นว่าเล่น มองไปทางไหนทุกบ้านก็มีรถเกือบทุกหลังคาเรือนก็ว่าได้ แต่ที่สำคัญ คนใช้รถอาจจะยังไม่ทราบถึงรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับรถ หรือส่วนประกอบสำคัญที่จะทำให้รถเคลื่อนที่ได้ ซึ่งอุปกรณ์ทุกอย่างในตัวรถนั้น ถือว่าสำคัญ วันนี้จะมาอธิบายความเป็นมาของคำว่า “ล้อกระทะ” มาทำความรู้จักเบื้องต้นกันเลยดีกว่า
ล้อกระทะ เรียกเป็นภาษาอังกฤษ (Rims) หมายถึง เป็นส่วนที่ยึดยางรถยนต์กับดุมล้อ กระทะล้อประกอบด้วย 2 ส่วนด้วยกัน คือ ขอบกระทะล้อ และจานกระทะล้อ โดยขอบกระทะล้อ เป็นส่วนที่ยึดยางรถยนต์กับจานกระทะล้อและยังทำหน้าที่ในการรักษารูปทรงของยางรถยนต์ ส่วนจานกระทะล้อทำหน้าที่ในการยึดของกระทะล้อให้ติดกับดุมล้อ จานกระทะล้อจะมีรูสำหรับยึดน็อตกับดุมล้อเพื่อความสะดวกในการถอด-ใส่ล้อรถยนต์กับดุมล้อของรถยนต์
นอกจากนี้กระทะล้อแบ่งตามรูปแบบการสร้าง แบ่งได้ 3 แบบ ดังนี้
- แบบกะทะล้อเหล็กกล้าอัดขึ้นรูป เป็นกะทะล้อที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากมีความแข็งแรงและสามารถต้านทานต่อการเกิดอุบัติเหตุที่มีแรงกระทำต่อล้อได้เป็นอย่างดี อีกทั้งกะทะล้อแบบนี้สามารถผลิตได้ง่ายคราวละมากๆ โครงสร้างของกะทะล้อชนิดนี้ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ขอบกะทะล้อ และจานกะทะล้อ โดยขอบกะทะล้อ จะมีลักษณะต่ำตรงกลาง หรือเว้าตรงกลาง วัตถุประสงค์เพื่อให้ง่ายต่อการถอด-ใส่ยางรถยนต์ และด้านข้างของขอบกะทะล้อจะมีลักษณะเป็นสันนูนยกขึ้น เพื่อป้องกันการเลื่อนไถล หรือป้องกันการหลุดของยาง เมื่อยางมีลมอ่อน และเป็นการช่วยป้องกันการรั่วซึมของลม ส่วนจานกะทะล้อหรือสไปเดอร์ ตรงกลางของจานกะทะล้อจะมีรู เพื่อใส่กับดุมล้อ รอบๆ รูใส่ดุมล้อจะมีรูไว้สำหรับร้อยน็อตยึดระหว่างกะทะล้อกับดุมล้อ โดยทั่วไปรูเจาะร้อยน็อตจะมีตั้งแต่ 4-6 รูแล้วแต่ชนิดของดุม ขอบกะทะล้อ และจานล้อจะใช้หมุดหรือวิธีการเชื่อมติด เพื่อยึดทั้ง 2 ส่วนเข้าด้วยกัน กะทะล้อที่ดี จะต้องไม่เบี้ยวหรือเแกว่งเพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้นกับตัวล้อขณะที่รถแล่น
- แบบกะทะล้อซี่ลวด กะทะล้อแบบนี้นิยมใช้กับรถแข่ง รถสปอร์ต หรือรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นกะทะล้อที่มีน้ำหนักเบา แต่มีความแข็งแรงสูงมาก สามารถถอดเปลี่ยนล้อได้อย่างรวดเร็ว มีเกลียวล็อกล้ออยู่ตรงกลางอันเดียว รูปแบบของล้อแบบซี่ กะทะล้อแบบซี่ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนของขอบล้อ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับขอบกะทะล้อของกะทะล้อแบบเหล็กกล้าอัดขึ้นรูป ส่วนที่สอง คือ ซี่ลวด ซึ่งใช้แทนจานกะทะล้อในล้อแบบเหล็กกล้า ซี่ลวดทำด้วยเหล็กกล้าที่มีความแข็งแรงสูงใช้วิธีการยึดแบบไขว้ไปมา โดยทั่วไปซี่ลวดจะรับแรงดึงได้มากกว่าแรงกด ความแข็งแรงของกะทะล้อแบบซี่ลวด ขึ้นอยู่กับขอบกะทะล้อ และการร้อยซี่ลวดระหว่างปลอกสวมดุมล้อ และขอบกะทะล้อ
- กะทะล้อโลหะผสม หรือล้อแม็ก กะทะล้อแบบนี้ผลิตโดยการหล่อ โดยใช้โลหะเบาผสมกัน คืออะลูมิเนียม กับแม็กนีเซียม ซึ่งทำให้กะทะล้อแบบนี้ มีน้ำหนักเบา และแข็งแรงกว่ากะทะล้อแบบเหล็กกล้า ปัจจุบันมีความนิยมใช้ล้อแม็กกับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลมากขึ้น
ที่สำคัญกะทะล้อโลหะผสม หรือล้อแม็ก ใช้งานได้ดีกว่าแบบอื่นๆ คือ
– มีน้ำหนักเบา เมื่อเทียบกับกะทะล้อแบบเหล็กกล้า เนื่องจากการหล่อผสมรวมของ อะลูมิเนียม กับแม็กนีเซียม
– มีความแข็งแรง จากที่กล่าวมาแล้ว โลหะผสมที่หล่อรวมกันทำให้ล้อมีน้ำหนักเบา ส่งผลให้ล้อแบบนี้มีหน้าตัดที่หนากว่ากะทะล้อแบบเหล็กกล้า จึงทำให้กะทะล้อแบบแม็กแข็งแรงกว่าล้อแบบเหล็กกล้าอัดขึ้นรูป
-ล้อแม็กสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเกาะถนน อันเนื่องจากล้อแม็กมีพื้นที่ของล้อมาก และหน้ากงล้อกว้าง ทำให้สามารถใส่ยางหน้ากว้างได้ ซึ่งเป็นการเพิ่มพื้นที่สัมผัสกับถนนมากขึ้น ส่งผลทำให้รถช่วยเกาะถนนได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเวลาที่รถเข้าโค้ง
-การระบายความร้อนของล้อได้ดี เมื่อรถมีการเบรก หรือการเลี้ยวโค้งทำให้เกิดความร้อนที่ล้อรถยนต์ โลหะผสมของล้อแม็กมีคุณสมบัติในการระบายความร้อนได้ดี เนื่องจากเป็นตัวนำที่ดี ทำให้ช่วยลดความร้อนได้อย่างรวดเร็วกว่ากะทะล้อแบบเหล็กกล้า
ถือว่าข้อมูลความรู้เบื้องต้นสำหรับการใช้การของรถยนต์ ซึ่งจะขาดส่วนประกอบชิ้นสำคัญนี้ไปไม่ได้เลยทีเดียว
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับล้อกระทะ
เมื่อเราใช้รถยนต์เป็นภาหนะในการขับขี่เคลื่อนที่แล้วนั้น ก่อนอื่นต้องใส่ใจกับองค์ประกอบชิ้นส่วนสำคัญที่จะช่วยในการรักษาล้อรถของเราให้คงสภาพต่อการใช้งาน เพราะล้อและยางเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญของรถยนต์ ซึ่งมีราคาสูง การจะทำอะไรกับอุปกรณ์เหล่านี้ จึงต้องมีความรู้ถึงรายจ่าย ปัญหาหรือข้อดีข้อเสียที่จะตามมา เช่น ความแข็งแรง ราคา การดูแลรักษา ความประหยัดน้ำมัน ฯลฯ ทั้งนี้ถือเป็นความรู้ ถึงข้อดีข้อเสียในการใช้ล้อกระทะ จะทำให้เรานึกถึงความทนทานในการใช้งาน และรวมไปถึงการดูแลรักษา
ล้อกระทะและยางมาตรฐานทั่วไป
รถยนต์ราคาประหยัดหรือรุ่นต่ำๆ หรือรถปิ๊กอัพจะเน้นใช้กระทะเหล็กเป็นหลัก ซึ่งมีข้อดีในเรื่องความแข็งแรง และมักจะเป็นกระทะล้อขนาดเล็ก ยางก็จะมีราคาถูกเช่นกัน การใช้ล้อกระทะจึงประหยัดเงินที่จะต้องจ่ายไปกับยางรถยนต์ อย่างล้อกระทะขอบ 13 นิ้วกับยางขนาดที่รองรับ ทั้ง 4 เส้น บางยี่ห้อไม่ถึง 5000 บาทก็มี แต่เมื่อเปลี่ยนไปใช้ล้อแม็กขนาด 15 นิ้วจะต้องใช้กับยางขอบ 15 เช่นกัน ซึ่งอาจจะมีราคาเกือบ 10,000 บาท เลยทีเดียว แพงกว่ากันเท่าตัว
ข้อดีของล้อกระทะ
ล้อกระทะเหล็กอาจจะมีข้อดีในเรื่องความทนทาน แข็งแรง ราคาที่ถูกกว่า และยางที่รองรับก็มีราคาถูกกว่า แต่ก็มีน้ำหนักมาก ทำให้เปลืองน้ำมันมากกว่าล้อแม็กโดยเฉพาะล้อแบบอลูมิเนียมซึ่งเบากว่าและสวยงามกว่า หากต้องการประหยัดเงินในเรื่องนี้ การใช้ล้อกระทะและยางขนาดมาตรฐานย่อมดีกว่าแน่นอน แต่หากต้องการความประหยัดน้ำมันด้วยแล้ว ก็ต้องใช้ล้อแม็กขนาดเล็ก ประหยัดทั้งเงินและประหยัดน้ำมัน
หากคุณกำลังงบรายจ่ายที่มากพอก็สามารถแต่งเสริมได้ด้วยล้อแม็ก หากใช้งบแบบประหยัดเน้นใช้งานคงทนไม่ต้องเปลี่ยนแปลงบ่อยก็สามารถใช้ล้อกระทะ เพื่อสะดวกต่อการใช้งาน มากกว่าการแต่งรถ ข้อมูลเบื้องต้นนี้ ถือเป็นประโยชน์แก่การตัดสินใจ ในการเลือกใช้ล้อรถยนต์ได้เป็นอย่างดี
ข้อควรระวังในการดูแลบำรุงรักษาล้อกระทะ
กระทะล้อในปัจจุบันมีผู้ผลิตสินค้าสู่ตลาดมากมาย ซึ่งจะมียี่ห้อของสินค้าแตกต่างกันไป แม้การผลิตจะให้ประสิทธิภาพและคุณภาพดีเยี่ยมเพียงใดก็ตาม แต่ถ้าหากผู้ใช้รถไม่ดูแลกระทะล้ออย่างถูกวิธีนั้น ก็ทำให้ได้รับประสิทธิภาพไม่เต็มที่และทำให้เกิดความเสียหายก่อนกำหนด ดังนั้น กระทะล้อรถยนต์จะให้ประโยชน์คุ้มค่าทุกด้านอย่างเต็มที่ ก็ขึ้นอยู่กับการใช้อย่างถูกต้องเช่นกัน ซึ่งจะต้องสังเกตุดังนี้
1.หมั่นตรวจสอบลมยางและปรับความดันลมยางให้ถูกต้องตามอัตราที่กำหนดเป็นประจำในขณะที่ยางยังเย็นอยู่ เพื่อสมรรถนะที่ดีในการขับขี่ และยืดอายุการใช้งานของกระทะล้อและยางให้มีอายุยาวนาน
2.เพื่อป้องกันลมรั่วซึมที่จุ๊ปวาล์ว ควรเปลี่ยนจุ๊ปวาล์วและแกนจุ๊ปวาล์วทุกครั้งที่เปลี่ยนยางใหม่ และควรมีฝาปิดวาล์วตลอดเวลา
3.ในกรณีการล้างรถ ห้ามใช้สารเคมีที่มีผลกับสีที่ผิวของกระทะล้อ ( สำหรับกรณีกระทะล้ออะลูมิเนียมอัลลอย ควรใช้อุปกรณ์ล้างรถและน้ำยาชนิดเดียวกันกับที่ล้างตัวรถ)
มาดูวิธีการเก็บรักษากระทะล้อ
เพื่อให้กระทะล้อที่ยังไม่ได้นำไปใช้งาน มีสภาพดีอยู่เสมอ และประสิทธิภาพของล้อไม่ลดลง การเก็บรักษากระทะล้อควรปฏิบัติดังนี้
– ป้องกันสิ่งของหรือวัตถุต่างๆที่ทำอันตรายต่อกระทะล้อ
-ป้องกันน้ำเปียกชื้นบริเวณที่จัดเก็บกระทะล้อ
-หลีกเลี่ยงการเก็บกระทะล้อในบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึงโดยตรง
– ป้องกันน้ำมันต่างๆที่จะสัมผัสกับกระทะล้อ
-เก็บกระทะล้อให้ห่างจากความร้อนหรือประกายไฟ
-ทำการแยกประเภทของกระทะล้อให้ชัดเจน เพื่อความสะดวกในการขนย้าย
-สำหรับกรณีกระทะล้ออะลูมิเนียมอัลลอย ควรวางกระทะล้ออะลูมิเนียมอัลลอยซ้อนกันตามจำนวนที่กำหนด
- กล่องบรรจุแบบ 1 วง วางซ้อนกันไม่เกิน 6 กล่อง
- กล่องบรรจุแบบ 2 วง วางซ้อนกันไม่เกิน 3 กล่อง
* กระทะล้อสำหรับรถบรรทุกและรถโดยสารขนาดใหญ่ ( Rim ) ไม่ควรวางซ้อนกันโดยเด็ดขาด*
เพราะการดูแลรักษาล้อกระทะนั้นไม่ยาก หากใส่ใจและหมั่นตรวจสอบตามข้อต่างๆที่ได้ทำการชี้แจงไปนั้น ก็จะทำให้ล้อกระทะของคุณใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไม่สึกหรอได้ง่ายอีกด้วย
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับ ล้อกระทะ
กระทะล้อ หรือ ล้อกระทะ ส่วนที่ว่านี้คือล้อที่เป็นโลหะ(เหล็ก) เบื้องต้นนั้น ล้อกะทะ แข็งกว่าล้อแม็ก หนักกว่าล้อแม็ก ดูแลรักษาง่ายกว่าล้อแม็ก โดยปกติสเปคล้อกะทะติดรถหน้ากว้างของล้อจะแคบกว่าล้อแม็ก ล้อแม็ก น้ำหนักเบากว่าล้อกะทะ สวยงามกว่า หน้ากว้างโดยส่วนมากแม็กกว้างกว่าล้อกระทะ ดูแลรักษายากกว่าล้อกะทะ อีกทั้งยังช่วยลดภาระช่วงล่าง ลดน้ำหนักใต้เบ้าสปริง เกาะถนนมากกว่าเพราะหน้ากว้างของล้อและขนาดยาง สวยงามกว่า ในส่วนล้อระทะ จะเน้นลุย เน้นทน รักษาง่ายๆ ถอดเปลี่ยนยางแต่ละทีไม่ต้องกังวลเรื่องขอบล้อแหกเป็นรอย รูดได้เลย หากต้องการความสวยงามก็ต้องเปลี่ยนเป็นล้อแม็ก เป็นการเสริมแต่งให้รถดูมีเสน่ห์ต่างจากรถยนต์โครงเดิมที่มีอยู่
ข้อแนะนำทั่วไปสำหรับล้อกระทะ
โดยแยกเป็นกระทะล้ออะลูมิเนียมอัลลอยสำหรับรถยนต์นั่ง รถบรรทุกขนาดเล็กและรถขับเคลื่อนสี่ล้อ ( Alloy Wheel ) กับ กระทะล้อ (Rim) สำหรับรถบรรทุกและรถโดยสารขนาดใหญ่ โดยจะเรียกรวมกันว่า กระทะล้อ
การเลือกใช้กระทะล้อที่ถูกต้อง และถูกวิธี
- ควรเลือกชนิดและขนาดของกระทะล้อ ให้เหมาะสมกับมาตรฐานและการใช้งานของยานพาหนะ
- ไม่ควรบรรทุกน้ำหนักเกินความสามารถสูงสุดในการรับน้ำหนักของกระทะล้อตามที่กำหนด
- เพื่อการใช้งานอย่างปลอดภัย ไม่ควรขับขี่ยานพาหนะเกินกว่าขีดจำกัดความเร็วสูงสุดของยางตามที่กำหนด
- เพื่อให้กระทะล้อมีอายุการใช้งานได้ยาวนาน หมั่นตรวจสอบดูแลกระทะล้อเป็นประจำ รวมไปถึงการตรวจสอบค่าความดันลมยางที่เหมาะสมอยู่เสมอ
- เลือกกระทะล้อที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากสถาบัน หรือสมาคมทดสอบยานยนต์ เช่น JWL,JWL-T และ VIA เป็นต้น
- ควรเลือกประเภทและขนาดของกระทะล้อให้เหมาะสมกับขนาดของยาง
- ควรเลือกค่าออฟเซทของกระทะล้อให้เหมาะสมกับยานพาหนะคันนั้นๆ
8. ใช้กระทะล้อที่มีชนิดและขนาดเดียวกันในทุกตำแหน่งเพลาล้อ การใช้กระทะล้อต่างประเภทกันในเพลาเดียวกัน หรือ ต่างเพลากันจะส่งผลเสียต่อสมรรถนะในการขับขี่ รวมไปถึงการทรงตัวและการเบรก เนื่องจากคุณสมบัติที่แตกต่างกัน